ดิฉัน อายุ ๒๐ ปี บิดามารดาของดิฉันไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เนื่องจากในกรณีนี้ พ่อของดิฉันได้สูญเสียชีวิตไปแล้ว แต่ดิฉันต้องการยื่นคำร้องต่อศาล ให้ศาลมีคำสั่งรับรองว่าดิฉันเป็นลูกของบิดาถูกต้องโดยชอบธรรมตามกฎหมายจริง เพื่อเป็นการนำไปยืนยันว่าดิฉันเป็นลูกท

ดิฉัน อายุ ๒๐ ปี บิดามารดาของดิฉันไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เนื่องจากในกรณีนี้ พ่อของดิฉันได้สูญเสียชีวิตไปแล้ว แต่ดิฉันต้องการยื่นคำร้องต่อศาล ให้ศาลมีคำสั่งรับรองว่าดิฉันเป็นลูกของบิดาถูกต้องโดยชอบธรรมตามกฎหมายจริง เพื่อเป็นการนำไปยืนยันว่าดิฉันเป็นลูกที่ถูกต้องโดยชอบธรรมของบิดามารดาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันจริง ไม่ทราบว่าดิฉันต้องนำเอกสารอะไรไปทำเรื่องในการยื่นคำร้องต่อศาลบ้างคะ ดิฉันอยู่ที่ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต้องไปยื่นที่ศาลใหญ่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์หรือไม่ค่ะ ขอข้อมูลและคำแนะนำด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ
จากคุณ : athiwat
วันที่ : 2018-03-24
ความเห็นที่ : 1
ข้อเท็จจริงตามคำถามได้ความว่า คุณอายุ ๒๐ ปี บิดามารดาอยู่กินฉันสามีภริยาไม่จดทะเบียนสมรส บิดาเสียชีวิตแล้ว คุณต้องการให้ศาลมีคำสั่งว่าคุณเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีขั้นตอนและใช้เอกสารอะไรบ้าง นั้น สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ ขอเรียนให้ทราบดังนี้ เนื่องจากมารดาคุณมิได้จดทะเบียนสมรสกับบิดาคุณ ดังนั้นคุณจึงเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของมารดาคุณเพียงคนเดียว แต่คุณก็มีช่องทางที่จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาได้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๔๗ ซึ่งมีอยู่ ๓ วิธีคือ ๑. บิดามารดาสมรสกันภายหลัง ๒. บิดาจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร ๓. ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย แต่กรณีของคุณบิดาเสียชีวิตแล้ว คุณสามารถใช้ได้วิธีเดียวเท่านั้น คือ วิธีที่ ๓ โดยร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาว่าคุณเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา ซึ่งกฎหมายกำหนดอายุความให้ฟ้องร้องภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่บุตรบรรลุนิติภาวะ ฉะนั้นบุตรที่อายุเกิน ๒๑ ปี แล้วจึงไม่อาจเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาโดยการฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้ ดังนั้นหากคุณประสงค์จะฟ้องร้องดำเนินคดีต้องดำเนินการภายในอายุความดังกล่าวข้างต้น คือคุณจะต้องอายุไม่เกิน ๒๑ ปี ทั้งนี้ คดีฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๕๕ ซึ่งบัญญัติว่า “ในคดีฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ (๑) เมื่อมีการข่มขืนกระทำชำเรา ฉุดคร่า หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังหญิงมารดาโดยมิชอบด้วยกฎหมายในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้ (๒) เมื่อมีการลักพาหญิงมารดาไปในทางชู้สาว หรือมีการล่อลวงร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้ (๓) เมื่อมีเอกสารของบิดาแสดงว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของตน (๔) เมื่อปรากฏในทะเบียนคนเกิดว่าเด็กเป็นบุตรโดยมีหลักฐานว่าบิดาเป็นผู้แจ้งการเกิดหรือรู้เห็นยินยอมในการแจ้งนั้น (๕) เมื่อบิดามารดาได้อยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผยในระยะเวลาซึ่งหญิงมารดาอาจตั้งครรภ์ได้ (๖) เมื่อได้มีการร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้ และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเด็กนั้นมิได้เป็นบุตรของชายอื่น (๗) เมื่อมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร พฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตรนั้น ให้พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่แสดงความเกี่ยวข้องฉันบิดากับบุตรซึ่งปรากฏในระหว่างตัวเด็กกับครอบครัวที่เด็กอ้างว่าตนสังกัดอยู่เช่นบิดาให้การศึกษา ให้ความอุปการะเลี้ยงดูหรือยอมให้เด็กนั้นใช้ชื่อสกุลของตนหรือโดยเหตุประการอื่น ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังกล่าวข้างต้น ถ้าปรากฏว่าชายไม่อาจเป็นบิดาของเด็กนั้นได้ให้ยกฟ้องเสีย” ตามคำถามคุณไม่ได้ให้รายละเอียดมา จึงแนะนำให้คุณพิจารณาตามกฎหมายข้างต้นว่าในอดีตบิดาได้แสดงพฤติกรรมตามวงเล็บใดบ้างและต้องมีพยานหลักฐานแสดงให้ศาลเห็นด้วยโดยเฉพาะหลักฐานที่เป็นหนังสือเพราะสามารถพิสูจน์ความจริงได้ดีกว่าพยานบุคคล ขั้นตอนในการดำเนินคดีนั้น คุณควรเตรียมเอกสารของบิดาที่แสดงว่าคุณนั้นเป็นบุตร อาทิใบทะเบียนบ้าน ใบแจ้งเกิดหรือสูติบัตร และหรือหลักฐานทางการศึกษาที่ปรากฏชื่อบิดาเป็นต้น ประกอบคำร้องขอต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๘๘(๑) เมื่อศาลไต่สวนแล้วจะมีหมายเรียกทายาทโดยธรรมเข้ามาในคดีเพื่อให้โอกาสคัดค้าน เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้ร้องเป็นบุตรของผู้ตาย ความเป็นบุตรให้มีผลนับแต่วันที่เด็กเกิด
จากคุณ : athiwat
วันที่ : 2018-03-24
Coppyright by www.homedd.co.th
โทรศัพท์ 0-2395-2045 โทรสาร 0-2702-8495
เลขที่ 43 ชั้น 1 ถนนศรีสมุทร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองฯ สมุทรปราการ 10270